ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หมากรุก


หมากรุก






จตุรังกา 

ประวัติศาสตร์ของหมากรุก

หมากรุกมีประวัติที่ยาวนานมากกว่า 1,500 ปี 

โดยเชื่อกันว่า อินเดีย เป็นต้นกำเนิดของหมากรุก

ซึ่งตอนนั้น อินเดียมีหมากรุกเป็นของตัวเองชื่อว่า จตุรังกา

แล้วจึงแพร่กระจายไปยัง เปอร์เซีย เมื่อชาวอาหรับเอาชนะเปอร์เซียหมากรุกก็ถูกยึดครองโดยชาวมุสลิมและแพร่กระจายไปยังยุโรปตอนใต้ ในยุโรป หมากรุกมีวิวัฒนาการไปในรูปแบบปัจจุบันในศตวรรษที่ 15

ในช่วงท้ายของงศตวรรษที่ 19 

ได้เริ่มต้นการจัดแข่งทัวร์นาเมนต์สมัยใหม่และได้มีแชมป์หมากรุกโลกอย่างเป็นทางการ ในปี 1886 ชื่อว่า Wilhelm Steinitz 

ภายหลัง ศตวรรษที่ 20 ได้มีการจัดตั้ง สหพันธ์หมากรุกโลก( FIDE )
World Chess Federation ( FIDE )

การเดินของหมาก

หมากแต่ละตัวจะมีหน้าที่ และการเดินที่แตกต่างกันเช่น



ควีน ( Queen ) เป็นตัวที่มีประโยชน์ที่สุดเพราะเป็นการผสม ป้อม กับ บิชอป แถมยังสามารถเดินได้หลายช่องอีกด้วย 



คิง ( King ) เป็นตัวที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในเกม หากโดนรุกจน(โดนกิน และ ไม่สามารถหนีได้)
จากฝ่ายตรงข้าม ถือว่าเกมแพ้ทันที 



ป้อม ( Rook ) สามารถเดินได้ทั้งแนวตรง กับ แนวนอน ได้หลายช่องหากไม่มีหมากขวางอยู่
การกินหมากของป้อม
สามารถทำได้ หากมีหมากฝ่ายอื่นอยู่ในแนวเดินของมัน 




บิชอป ( Bishop ) สามารถเดินในแนวทแยงมุม สามารถเดินได้หลายช่องเหมือนกับป้อม
การกินหมากของบิชอป
คล้ายป้อม แต่เดินในแนวทแยงมุมเท่านี้น 



ม้า หรือ อัศวิน ( Knight ) เป็นตัวเดียวที่สามารถข้ามหมากได้ การเดินของมันจะเดินเป็นรูป L 8 ช่องรอบตัวเท่านั้น
ซึ่งการเดินของมันไม่เหมือน บิชอป คิง ควีน ป้อม
การกินของม้าจะทำได้เมื่อมีหมากตกอยู่ในช่องการกินของมันเท่านั้น(ตรงหัวลูกศรชี้)



เบี้ย ( Pawn ) สามารถเดินได้ 2 ช่องหากหมากตัวนั้นยังไม่ได้เดินเลย หลังจากนั้นเดินได้เพียง1ช่อง เบี้ยไม่สามารถเดินถอยหลังได้ แต่สามารถกินหมากอีกฝ่ายในแนวทแยงมุมหน้าได้ 

เมื่อเบี้ยเดินไปสุดกระดานแล้ว เบี้ยสามารถเลื่อนขั้น แล้วเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ 

เพื่อให้ตัวเบี้ยมีประโยชน์เพิ่มมากขึ้น



การนับคะแนน

เมื่อหมากโดนกินย่อมต้องนับคะแนนโดยแต่ละตัวจะมีคะแนน ดังนี้

ควีน 9 แต้ม 
รุก 5 แต้ม 
บิชอป 3 แต้ม 
ม้า 3 แต้ม 
เบี้ย 1 แต้ม 

การนับคะแนนจะนับเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกินหมากของฝ่ายตรงข้าม แล้วบวกแต้มตามหมากที่โดนกิน
ถ้าหมากฝ่ายเราโดนกิน ก็จะหักคะแนนด้วยแต้มหมากเราที่โดนกิน


อย่างเช่น ฝ่ายขาวกินควีน ก็บวก 9 แต้มฝ่ายขาว 
การจบเกม


ผู้เล่นอาจไม่ต้องจบเกม โดยการรุกจนก็ได้ ซึ่งการจบเกมมีหลายแบบดังนั้


-เวลาหมดก่อน เกมหมากรุกเป็นเกมที่ควบคุมเวลาหากเวลาหมดถือว่าเป็นอันจบเกม


-ถอนตัว ผู้เล่นสามารถถอนตัวได้


-การเสมอ การเสมอเพราะไม่มีการเดินตามกฎ (stalemate) การเดินซ้ำไปมาสามครั้ง (threefold repetition of a position) กฎการเดินห้าสิบ (fifty-move rule) หรือการเสมอเพราะไม่สามารถรุกจนได้ ซึ่งมักเกิดเพราะไม่มีหมากเหลือมากพอที่จะรุกจน

สถิคิของแชมป์โลก
The history of the top chess players over time


https://www.youtube.com/watch?v=z2DHpW79w0Y


แหล่งข้อมูล
History of chess


https://en.wikipedia.org/wiki/Chess












ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

√ M a t h i s f u n !!! 😊😊😊😄😁😙 ปรับความเข้าใจพื้นฐานทางคณิตศาสตร์  1.เริ่มแรกเราควรเข้าใจว่าการทำสมการว่า"ควรเริ่มลำดับการคำนวณจากไหนไปไหน" การทำความเข้าใจโจทย์ ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในการทำข้อสอบเนื่องจากว่า ข้อสอบเป็นการทดสอบความเข้าใจต้องใช้หลักการตีความเป็นอย่างมาก เพื่อหาสิ่งที่โจทย์ต้องการ 2. สมบัติของคณิตศาสตร์ ต่างๆควรจำไว้ให้แม่น เพราะว่าโจทย์ปัญหาสมการเกือบทุกโจทย์มักจะใช้ในการพลิกแพลงปัญหา สมบัติทางคณิตศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ในการแก้สมการ อสมการ หรือ การหาค่าต่างๆ ที่โจทย์กำหนดให้ และที่สำคัญ ควรมีไหวพริบด้วย 😉 สมบัติที่ทั่วไปมีดังนี้ สมบัติการเปลี่ยนหมู่ การบวก:[ x+y ] + z = x + [ y + z ] การคูณ :[x*y]*z = x*[y*z] สมบัติการแจกแจง      x*[ y + z ] = x*y+y*z การคูณด้วยส่วนกลับของตัวมันเอง จะได้ 1 เสมอ เช่น 5*1/5=1 การบวกด้วยจำนวนตรงข้าม จะเท่ากับ 0 เสมอ เช่น 6+[-6]=0 ควรสังเกตว่า การลบก็คือการบวกด้วยจำนวนตรงข้าม 3.เลขยกกำลัง กับ root เลขยกกำลังเป็น เรื่องที่สัมพันธ์กับ Root มาก เพราะว่า root สามารถเขียนใน...